การให้ อาหารสายยาง อาหารรูปแบบเหลวผ่านทางสายยางการให้อาหารสายยางในรูปแบบเหลวผ่านทางสายยาง เป็นวิธีการสำคัญที่ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วนและปลอดภัยค่ะ
นี่คือขั้นตอนโดยสรุปของการเตรียมและปฏิบัติการให้อาหารเหลวทางสายยางอย่างถูกต้องและปลอดภัย:
🍲 การปฏิบัติการให้อาหารเหลวทางสายยาง
ขั้นตอนที่ 1: การเตรียมพร้อม (Preparation)
ล้างมือ: ล้างมือให้สะอาดก่อนจับอาหารและอุปกรณ์ทุกครั้ง
เตรียมอาหาร:
ตรวจสอบ วันหมดอายุ ของอาหารเหลวสำเร็จรูป หรือตรวจสอบอาหารปั่นว่าละเอียดและกรองแล้วหรือไม่
ปรับอุณหภูมิอาหารให้เป็น อุณหภูมิห้อง (ห้ามร้อนจัดหรือเย็นจัด)
จัดท่าผู้ป่วย: จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่า ศีรษะสูง 30–45 องศา และต้องคงท่านี้ไว้ตลอดเวลาที่ให้อาหาร
เตรียมอุปกรณ์: กระบอกให้อาหาร, น้ำสะอาด (สำหรับล้างสาย), และภาชนะสำหรับทิ้งของเสีย
ขั้นตอนที่ 2: การตรวจสอบความปลอดภัย (Safety Check - CRITICAL)
ตรวจสอบตำแหน่งสาย: ตรวจสอบรอยมาร์คที่สายยางว่าตรงกับตำแหน่งที่บันทึกไว้หรือไม่ เพื่อยืนยันว่าสายยางยังอยู่ในกระเพาะอาหาร
ตรวจสอบอาหารค้าง: ค่อย ๆ ดูดของเหลวในกระเพาะอาหารออกมาวัดปริมาณ (Residual Volume)
ถ้าปริมาณค้างปกติ: ใส่ของเหลวคืนแล้วเริ่มให้อาหาร
ถ้าปริมาณค้างเกินกำหนด: ห้ามให้อาหารมื้อนั้น และปรึกษาพยาบาลหรือแพทย์
ขั้นตอนที่ 3: การให้อาหาร (Administration)
ล้างสายก่อน: ใช้น้ำสะอาดปริมาณ 10–20 มล. (ตามคำแนะนำ) เทใส่กระบอกแล้วปล่อยให้น้ำไหลลงไปก่อน เพื่อล้างสายและตรวจสอบว่าสายไม่ตัน
ให้อาหารเหลว:
เทอาหารเหลวใส่กระบอกให้อาหาร ห้ามดันลูกสูบ แต่ปล่อยให้ไหลลงไป ตามแรงโน้มถ่วง (Gravity Feeding)
ควบคุมความเร็ว: ยกกระบอกให้อาหารสูงประมาณ 1 ฟุตเหนือศีรษะผู้ป่วย และควบคุมให้อาหารไหลลงไป ช้า ๆ โดยใช้เวลาประมาณ 15–20 นาทีต่อมื้อ เพื่อป้องกันท้องอืดและสำลัก
ขั้นตอนที่ 4: การล้างสายหลังเสร็จ (Flushing)
ล้างสายหลังให้เสร็จ: เมื่ออาหารเหลวใกล้หมด ให้เท น้ำสะอาดตามลงไปทันที (ประมาณ 30–50 มล. หรือตามคำแนะนำ) เพื่อชะล้างเศษอาหารที่ค้างอยู่ในสายยาง ป้องกันการอุดตัน
ปิดฝา: ปิดฝาจุกให้อาหารให้สนิท
ขั้นตอนที่ 5: การดูแลหลังให้อาหาร (Post-Feeding Care)
คงท่าศีรษะสูง: ให้ผู้ป่วยคงท่าศีรษะสูงต่อไปอีก อย่างน้อย 30–60 นาที เพื่อป้องกันอาหารไหลย้อนกลับและสำลัก
ทำความสะอาด: ทำความสะอาดจุกให้อาหารและอุปกรณ์ที่ใช้ทั้งหมดทันที
ข้อควรเน้น: การควบคุมความเร็วในการให้อาหารเหลวเป็นหัวใจสำคัญ เพื่อให้ระบบย่อยอาหารของผู้ป่วยปรับตัวได้ทันค่ะ
